ThaiCERT ได้ติดตามและพบเหตุการณ์ขัดข้องของผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลรายใหญ่ระดับโลก (เช่น ระบบ CDN และ Cloud Service) เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบให้เว็บไซต์ แพลตฟอร์มออนไลน์ และระบบงานสำคัญหลายแห่งไม่สามารถให้บริการได้ชั่วคราว
จากการวิเคราะห์พบว่า สาเหตุส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากการโจมตีทางไซเบอร์เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากปัจจัยภายใน เช่น การตั้งค่าระบบผิดพลาด หรือข้อผิดพลาดจากการปรับปรุงระบบ ซึ่งเมื่อผู้ให้บริการรายหลักประสบปัญหา จึงเกิดผลกระทบในวงกว้าง (Systemic Risk)
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและบริหารความเสี่ยง ThaiCERT มีข้อแนะนำสำหรับหน่วยงานและประชาชน ดังนี้
แนวทางสำหรับหน่วยงานและองค์กร
1. ประเมินความเสี่ยง ทบทวนระดับการพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอก และตรวจสอบว่าหากระบบหลักขัดข้อง จะส่งผลกระทบต่อบริการใดบ้าง
2. จัดทำแผนรองรับ วางแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) และแผนกู้คืนระบบ (DRP) พร้อมทั้งทำการซ้อมแผนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถกู้คืนบริการได้ภายในเวลาที่กำหนด
3. ระบบสำรองข้อมูล พิจารณาจัดหาผู้ให้บริการสำรอง หรือช่องทางอื่นสำหรับระบบที่มีความสำคัญสูง เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ให้บริการเพียงรายเดียว
4. การสื่อสารในภาวะวิกฤต เตรียมแนวทางการชี้แจงสถานการณ์ให้ผู้ใช้บริการทราบทันทีเมื่อเกิดเหตุ เพื่อลดความสับสน
5. ข้อตกลงระดับการให้บริการ (SLA) กำหนดเงื่อนไขความมั่นคงปลอดภัยและการกู้คืนระบบให้ชัดเจนในสัญญาว่าจ้าง
คำแนะนำสำหรับประชาชนและผู้ใช้งานทั่วไป
1. ตระหนักถึงความเสี่ยง บริการออนไลน์อาจเกิดเหตุขัดข้องได้เสมอ ควรเตรียมช่องทางสำรองในการติดต่อหรือทำธุรกรรมที่สำคัญ
2. การสำรองข้อมูล ไม่ควรจัดเก็บข้อมูลสำคัญไว้บนแพลตฟอร์มออนไลน์เพียงแห่งเดียว ควรมีการสำรองข้อมูลไว้ในอุปกรณ์ส่วนตัว หรือแหล่งจัดเก็บอื่นร่วมด้วย
3. ติดตามข่าวสาร เมื่อเกิดเหตุขัดข้อง ให้ติดตามประกาศจากเจ้าของระบบอย่างใกล้ชิด
การใช้เทคโนโลยี Cloud และ CDN เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล แต่การเตรียมพร้อมรับมือกับ “เหตุไม่คาดฝัน” คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรและประชาชนใช้งานเทคโนโลยีได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย
ติดตามข้อมูลและคำแนะนำด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์เพิ่มเติมได้ที่
https://webboard-nsoc.ncsa.or.th/ หรือสแกน QR Code ในภาพประกอบ
#ThaiCERT #NCSA #CloudSecurity #ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
ปรับปรุงเมื่อ 1 วัน ago